คำถามที่พบบ่อย

Q & A Allergy

1. Allergic Symptoms

Q : โรคภูมิแพ้คืออะไร
A : โรคภูมิแพ้คือ กลุ่มโรคที่ร่างกายตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้มากผิดปกติ โดยโรคที่พบบ่อยเช่น แพ้อากาศ (allergic rhinitis)
โรคหอบหืด (asthma) โรคผื่นผิวหนังภูมิแพ้เรื้อรัง (atopic dermatitis) แพ้อาหาร (food allergy) เป็นต้น

Q : ใครที่มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้
A : ผู้ที่มีประวัติญาติสายตรงเป็นโรคภูมิแพ้จะมีโอกาสเป็นโรคมากกว่าคนปกติ นอกจากนี้การที่ต้องสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้มากๆ ก็อาจเป็น   สาเหตุได้

Q : จะทราบได้อย่างไรว่าตนเองเป็นโรคภูมิแพ้หรือไม่
A :  ถ้าท่านมีอาการ เช่น มีน้ำมูกไหลประจำ คันตา คันจมูก จามบ่อย หายใจลำบาก หอบ มีผื่นลมพิษตามตัว ก็ให้สงสัยว่าอาจเป็นโรคภูมิแพ้ได้

Q : สามารถรักษาให้หายขาดได้ไหม
A : ปัจจุบันการรักษาเน้นที่การหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ซึ่งจะทราบได้จากการทำการทดสอบภูมิแพ้รักษาร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ ส่วนการรักษาที่มีโอกาสหายขาดได้คือการฉีดวัคซีนภูมิแพ้ซึ่งทำได้ในโรคแพ้อากาศ (allergic rhinitis) และหอบหืด (asthma)

2. Skin Test

Q : การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังคืออะไร
A : การตรวจเพื่อวินิจฉัยโรคภูมิแพ้จำเป็นต้องตรวจดูว่าผู้ป่วยสร้างภูมิคุ้มกันเฉพาะ (specific IgE) ต่อสารก่อภูมิแพ้ที่สงสัยหรือไม่ซึ่งอาจทำได้โดยการตรวจเลือด ได้แก่ การตรวจ RAST (Radioallergosorbent test) หรือการตรวจในผู้ป่วยโดยตรงได้แก่ การการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (skin test) โดยทั่วไปแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางภูมิแพ้มักทำการตรวจ skin test เพราะทำได้ง่าย รวดเร็ว และสิ้นเปลืองน้อย อีกทั้งยังมีความไวและความจำเพาะสูง

Q : วิธีการทำอย่างไร
A : การตรวจทำได้โดยการหยดสารสกัดจากสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ (extract) ลงบนผิวหนังและใช้เข็มสะกิดผิวหนังผ่านหยดสารสกัดโดยสะกิดเบาๆ ทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาที อ่านผลโดยวัดขนาดของรอยบวม (wheal) หรือร่วมกับรอยแดง (flare) ที่เกิดขึ้น ใช้เวลารวมทั้งหมดประมาณครึ่งชั่วโมง

Q : การเตรียมตัวก่อนทำการทดสอบ
A : ก่อนทำการตรวจ ผู้รับการตรวจจะได้รับคำแนะนำให้หยุดยาแก้แพ้ ยาแก้หวัด และยาอื่นๆ ที่อาจมีผลทำให้ผลการตรวจผิดพลาดเป็นเวลาอย่างน้อย 3-7 วัน  และงดการใช้ยาครีมเสตียรอยด์ทาบริเวณที่จะทำการทดสอบอย่างน้อย 2 สัปดาห์

Q : มีการทดสอบสารแพ้ตัวใดบ้าง
A : ทางคลินิกภูมิแพ้มีการทำ skin test 2 ชุด
         1. ชุดแรกเกี่ยวกับการหายใจ เช่น ฝุ่น ไรฝุ่น เกสร เชื้อรา ขนสัตว์ และอื่นๆ
         2. ชุดที่สองเกี่ยวกับการอาหารที่รับประทาน เช่น นม ไข่ ถั่ว อาหารทะเล และอื่นๆ

3. Immunotherapy

Q : การฉีดวัคซีนภูมิแพ้คืออะไร
A : การฉีดวัคซีนภูมิแพ้ (immunotherapy) เป็นวิธีหนึ่งในการรักษาโรคภูมิแพ้ เป็นการรักษาที่ต้นเหตุ เป็นวิธีการรักษาที่สามารถทำให้ผู้ป่วยหายได้ หรือสามารถลดยาที่ใช้ลงได้โดยในผู้ป่วยบางคนอาจไม่จำเป็นต้องใช้ยาอย่างอื่นเลย

Q : สามารถใช้รักษาโรคใดได้บ้าง
A : โรคภูมิแพ้ทางจมูก โรคหืด โรคภูมิแพ้ทางตา การแพ้รุนแรงจากแมลงกัดต่อย

Q : วิธีการทำอย่างไร
A : โดยการฉีดสารสกัดที่พิสูจน์แล้วว่าผู้ป่วยแพ้เข้าสู่ร่างกายทีละน้อย สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ภายหลังฉีดแพทย์จะเฝ้าระวังปฏิกิริยาในแต่ละครั้ง บันทึกผล หลังจากนั้นจะค่อยๆ เพิ่มปริมาณสารก่อภูมิแพ้ขึ้นจนทำให้ผู้ป่วยสามารถทนต่อสารก่อภูมิแพ้ชนิดนั้นๆ ได้คือมีอาการทางภูมิแพ้น้อยลงหรือไม่มีอาการ โดยทั่วไปมักใช้เวลาในการฉีดมากกว่า 1 ปีติดต่อกันจึงจะได้ผลการรักษาที่ดีและควรได้รับการฉีดวัคซีนภูมิแพ้ต่อไป อีกประมาณ 3-5 ปี

Q : มีผลข้างเคียงหรือไม่
A :
การรักษาด้วยวิธีนี้อาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาภายหลังฉีดทันทีโดยอาจทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บและมีอาการเฉพาะที่ ได้แก่ บวม คัน บริเวณที่ฉีด หรือในบางรายอาจเกิดปฏิกิริยารุนแรงทั้งตัวจนเกิดภาวะช็อค หลอดลมตีบได้ (systemic reaction) แต่พบลักษณะดังกล่าวน้อยมาก
A : ผู้ที่รับการรักษาหลังฉีดยาให้นั่งรอสังเกตอาการที่คลินิกประมาณ 30 นาที เพื่อดูว่ามีปฏิกิริยาข้างเคียงเกิดขึ้นหรือไม่ เช่น อาการบวม ผื่นขึ้นหายใจไม่สะดวก หน้ามืด ฯลฯ ถ้ามีให้รายงานแพทย์ทันที
A :
ไม่ควรบีบนวดบริเวณที่ฉีดยา หรือออกกำลังกายหนักในวันที่ฉีดยา เพราะอาจทำให้ยาแพร่กระจายเร็วเกิดภาวะแพ้รุนแรงได้
A : ไม่ควรฉีดยาในวันที่มีอาการไม่สบาย มีไข้ หรือมีอาการหอบหืด

 

About us

ดี เอ คลินิก เป็นคลินิกเวชกรรมเฉพาะทาง ด้านผิวหนัง เลเซอร์ความงาม (Dermatology and Cosmetic Laser Surgery) และด้านโรคภูมิแพ้, วิทยาภูมิคุ้มกันคลินิก (Allergy and Immunology Clinic) ตรวจรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง

เกี่ยวกับเรา

Work Job

รับสมัครพนักงานประจำคลินิก วุฒิ ม.6,ปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ถ้ามีประสบการณ์จะพิจารณาเป็นพิเศษ รายได้ดี มีประกันสังคม

who online

We have 15 guests and no members online

You are here: Home Allergy Zone คำถามที่พบบ่อย